บาคาร่าเป็นเกมเดิมพันที่ใช่ไพ่เป็นอุปกรณ์สื่อกลางในการนำมาใช้เพื่อเดิมพัน โดยไพ่ 1 สำรับนั้นจะมีจำนวน 52 ใบ ซึ่งจะแบ่งออกเป็นการนับแต้ม 1-9 และ นอกเหนือจากนั้นจะแทนด้วย 0 แต้มโดยการกำหนดแต้มนั้นเรียกได้ว่าเป็นสากลสำหรับการเล่นพนันแทบทุกชนิด ซึ่ง Ace จะถูกแทนค่าด้วย 1 แต้ม และ 2-9 จะถูกแทนค่าตามหน้าไพ่ อย่างเช่น หน้าไพ่ 2 แต้ม ก็จะแทนค่าด้วย 2 แต้ม ไปจนถึง 9 แต้ม และ หน้าไพ่ 10 , J , Q , K จะถูกแทนค่าด้วย 0 แต้ม
การพนันบาคาร่าออนไลน์จะเป็นการพนันประเภทที่มีความเข้าใจง่ายแบบนี้ ซึ่งการรวมแต้มไพ่ 2-3 ใบ และมีแต้มใกล้เคียงกันกับ 9 แต้มมากที่สุดจะเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะในฝ่ายนั้นไปโดยสามารถเลือกเล่นฝั่งโดยกำหนดจาก การวางที่ฝ่าย Player และ Banker หรือ ที่เข้าใจกันได้ว่า แดง กับ น้ำเงิน การแบ่งสีนั้น Player จะถูกแทนที่ด้วยสีแดง และ Banker จะถูกแทนที่ด้วยสีน้ำเงิน
กฎกติกาของวิธีการเดิมพันบาคาร่าออนไลน์
วิธีการเล่นพนันออนไลน์ของบาคาร่าจะนำเอาไพ่ จำนวน 6-8 สำรับผสมกัน ทำให้จะมีไพ่อยู่ภายในกองที่ 312 – 416 ใบ ทำการแบ่งแยกบาคาร่าออกเป็น การเลือกกลุ่มในการวางเงินเดิมพัน (สามารถวางเงินเดิมพันได้จากหลายคนพร้อมๆกัน) เพราะด้วยการเล่นที่เลือกระหว่าง
Player คือ เดิมพันฝ่ายผู้เล่น
Banker คือ เดิมพันฝ่ายเจ้ามือ
Tie Game คือ เดิมพันผลเสมอกันระหว่างผู้เล่นกับเจ้ามือ
Player Pair คือ เดิมพันผลฝ่ายผู้เล่นไพ่ออกคู่
Banker Pair คือ เดิมพันผลฝ่ายเจ้ามือไพ่ออกคู่
อัตราการคิดยอดเงินที่ได้จากการวางเดิมพัน
Player จะได้รับเงินเดิมพัน 1 เท่า
Banker จะได้รับเงินเดิมพัน 0.95 เท่า
Tie จะได้รับเงินเดิมพัน 8 เท่า
Player Pair จะได้รับเงินเดิมพัน 11 เท่า
Banker Pair จะได้รับเงินเดิมพัน 11 เท่า
การวางเงินเดิมพันระหว่าง Player และ Banker หากออกด้วยแต้มที่เท่ากัน จะคืนเงินให้กับผู้เล่นทุกคน
การนับแต้มเพื่อใช้ในการเล่นจะคิดให้เข้าใจง่ายๆดังนี้
ไพ่ 2 ใบแรกของผู้เล่นมีแต้มรวมเท่ากับ
8 หรือ 9 = อยู่ ( แนชเชอรัล)
6 หรือ 7 = อยู่
0 – 5 = จั่วไพ่
ไพ่ 2 ใบแรกของเจ้ามือมีแต้มรวมเท่ากับ
8 หรือ 9 = อยู่ ( แนชเชอรัล)
6 หรือ 7 = อยู่
0-5 = จั่วไพ่ (ในกรณีที่มีแต้มต่ำกว่าฝั่ง Player)
ด้วยวิธีการเล่นที่เรียบง่ายในลักษณะนี้ ทำให้มีผู้เล่นจำนวนมากมายเข้าไปใช้บริการอย่างสม่ำเสมอ และ ความนิยมที่ได้รับจากเหล่าสมาชิกยังคงส่งผลให้หลายๆคนเล่นบาคาร่าจนถึงปัจจุบัน